วันอังคารที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ผลเสียการเล่นเกม



ผลเสียการเล่นเกม

เช้าวันหยุดวันหนึ่งแพทย์ประจำบ้านวัย29ปีตื่นมาพร้อมกับอาการปวดต้นแขนเป็นอย่างมาก เขาปฏิเสธประวัติการกระทบกระแทกหรืออุบัติเหตุใดๆ ตรวจร่างกายก็พบว่ากล้ามเนื้อบริเวณใต้สะบักอักเสบ ในที่สุดเมื่อนึกไปนึกมาก็ได้คำตอบว่า เมื่อวานนี้เขาซื้อเครื่อง"วี" (Wii)มา และเล่นเกมส์เทนนิสทั้งคืน
เรื่องข้างต้นเป็นเรื่องที่ลงในข่าวรอยเตอร์และในวารสารการแพทย์ New England Journal of Medicineเมื่อไม่นานมานี้ และเค้าก็เรียกโรคนี้ว่า Acute Wiiitis (โรควีอักเสบ)

สำหรับประเทศไทยต้องยอมรับกันก่อนว่าการเล่นวีดีโอเกมส์ถือเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของบ้านเราไปแล้ว เด็กๆที่เลิกเรียนจากโรงเรียนเมื่อเดินออกมาหน้าโรงเรียนก็เดินเข้าไปในร้านเกมส์และนั่งเล่นเกมส์กันได้เป็นชั่วโมงๆอย่างมีสมาธิ(ผิดกับตอนเรียน^_^) ถ้าเป็นเมื่อสัก20กว่าปีก่อน ก็คงจะเป็นเครื่องFamicom ขาวแดง ส่วนในปัจจุบันนี้ก็เปลี่ยนมาเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์กับเกมส์ออนไลน์
เมื่อมีจำนวนคนที่เข้าไปเล่นมากขึ้น ก็จะพบกับกับปัญหาที่ตามมามากขึ้น และปัญหาที่ผมจะคุยก็คือ ปัญหาสุขภาพที่ตามมาจากการเล่นเกมส์
1. ปัญหาทางด้านสุขภาพตา
เป็นที่รู้กันดีว่าหากเราเพ่งสมาธิสนใจกับสิ่งใดก็ตาม ดวงตาของเราจะตอบสนองอย่างเห็นได้ชัด ม่านตาจะขยายออก เปลือกตาจะกระพริบน้อยลง
สมัยก่อนจะมีเนื้อหาในวิชาสปช.ว่าไม่ควรอ่านหนังสือในที่ที่มีแสงจ้ามากเกินไปเพราะจะทำให้เกิดอาหารแสบตาได้ แต่น้อยนักที่จะมีคนมาพบแพทย์ด้วยอาการเคืองตาแสบตาอันเกิดจากการอ่านหนังสือมากเกินไป ส่วนใหญ่มาด้วยเรื่องแสบตาหลังจากการจ้องมองจอทีวีหรือจอคอมพิวเตอร์มากเกินไปมากกว่า
ถ้าเป็นเพียงเล็กน้อยก็แค่ตาแดงอักเสบเล็กน้อย แต่ถ้าเป็นมากๆอย่างเช่นเด็กที่เล่นเกมส์ติดต่อกันอย่างตั้งใจเป็นเวลา8-9ชั่วโมง อาจจะพบได้ถึงขนาดที่ว่ากระจกตาอักเสบจนมีอาการแสบตาลืมตาไม่ขึ้นเทียบเท่ากระจกตาอักเสบในคนที่ไปอ๊อกเชื่อมเหล็กโดยไม่ใส่แว่นตาป้องกันเลยทีเดียว
2. ปัญหากล้ามเนื้อ
ปัญหาทางกล้ามเนื้อที่พบได้ในการเล่นวีดีโอเกมส์คือการที่กล้ามเนื้อของผู้เล่นอยู่ผิดที่ผิดทางหรือถูกใช้ย้ำๆซ้ำๆอย่างต่อเนื่อง
ผิดที่ผิดทางที่พบได้บ่อย คือการปวดกล้ามเนื้อบริเวณต้นคอ สะบัก หลังหรือแม้กระทั่งปวดขา อันเนื่องมาจากการนั่งในท่าที่ไม่เหมาะเป็นเวลานานๆ ... การจะนั่งในท่าที่ผิดนั้น ก็เกิดเนื่องมาจากการที่โต๊ะคอมพิวเตอร์หรือจอ ตั้งอยู่ไม่เหมาะสมกับผู้เล่น คีย์บอร์ดหรือเมาส์วางอยู่ในระนาบที่ไม่เหมาะ
เด็กอายุ12-13ที่มาพบแพทย์ด้วยอาการปวดต้นคอปวดหลัง หลายๆครั้งถ้าซักย้อนกลับไปก็จะได้ประวัติว่าไปเล่นเกมส์ติดต่อกันเป็นเวลานานๆตามร้านเกมส์

ถูกใช้ย้ำๆซ้ำๆ ที่จริงมักพบในเกมส์สมัยก่อนโดยเฉพาะเกมส์Action มักก่อให้เกิดความเจ็บปวดกับกล้ามเนื้อที่โดนใช้บ่อยๆเป็นเวลานานๆ ในวารสารการแพทย์ก็มีกล่าวถึงโรคเหล่านี้ระบุเป็นชื่อตามเกมส์หรือเครื่องเล่นเช่น
Space Invader''s Wrist : กล่าวถึงครั้งแรกในปี 2524 โดยกล่าวถึงการเล่นเกมส์Space invader''s ด้วยJoystick จนกระทั่งเจ็บปวดข้อมือ
Nintendinitis : กล่าวถึงครั้งแรกในปี 2531 โดยกล่าวถึงในลักษณะการเล่นจนเจ็บกล้ามเนื้อของมือและแขน
Playstation Thumb : เล่นเกมส์เพลยฯจนกระทั่งเอ็นนิ้วโป้งอักเสบ
Wiiitis : เล่นเครื่องวี(ของนินเทนโด) จนกระทั่งกล้ามเนื้ออักเสบ ซึ่งตำแหน่งกล้ามเนื้ออักเสบก็ขึ้นกับเกมส์ที่เล่น
สำหรับการเล่นเกมส์เครื่องคอมพิวเตอร์หรือเกมส์ออนไลน์ ก็อาจจะมีปัญหาเรื่องปวดข้อมือและแขนข้างที่ถนัดได้จากการลากเมาส์และกดบ่อยๆ
สมัยก่อนผมเองก็เคยเล่นเกมส์แบบมาราธอน เล่นติดต่อกันตั้งแต่คืนวันศุกร์จนถึงเช้าวันอาทิตย์ (พักช่วงละ1-2ชั่วโมง) เป็นประจำ พอจะเข้าใจเรื่องปวดกล้ามเนื้อพวกนี้ดีว่ามันปวดเมื่อต่างจากการปวดเมื่อยแบบเล่นกีฬาอย่างลิบลับ ... ปวดจากเล่นกีฬาออกกำลังหายปวดและหายอ่อนเพลียเร็วกว่าเป็นไหนๆ
3. ปัญหาทางด้านพฤติกรรม
มีความพยายามที่จะทดสอบหรือหาความเกี่ยวข้องทางด้านพฤติกรรมของเด็กที่ติดเกมส์เพื่อมาชี้ผลเสียของการเล่นเกมส์ให้เห็นกัน แต่ว่าเรื่องราวเหล่านี้ก็ไม่ได้มีอะไรที่ชี้ชัดมากไปกว่าการแสดงให้เห็นว่าการเล่นเกมส์มีความ"สัมพันธ์"กับพฤติกรรมที่ไม่ดี
ในวัยเด็กเป็นช่วงที่เด็กต้องเรียนรู้การปรับตัวให้เข้ากับบุคคลอื่นๆ การละเล่นในสมัยก่อนที่เล่นกันระหว่างเด็กๆเป็นกลุ่มๆ หรือการเล่นกีฬา เป็นการเรียนรู้การเข้าสังคมของเด็กๆและการอยู่ร่วมกันภายใต้กฎเกณฑ์เดียวกัน แม้จะมีการเปลี่ยนการละเล่นไปเรื่อยๆแต่กลุ่มที่เล่นก็มักเป็นกลุ่มเดียวกัน ... สมัยก่อนตอนที่หลายๆคนยังเด็กจะมีสภาพคล้ายๆกับภาพยนต์เรื่อง"แฟนฉัน" นั่นคือมีเพื่อนวัยเด็กเป็นกลุ่มๆและสนิทกันอยู่ในละแวกบ้านเดียวกัน
มาสมัยนี้ตอนเย็นๆเดินออกไปหน้าปากซอย จะเห็นเด็กๆก็แต่ตอนวิ่งแยกย้ายเข้าบ้านและเล่นเกมส์อยู่คนเดียว
หากรู้สึกว่าเล่นเกมส์ใดแล้วไม่ชอบ ก็สามารถเปลี่ยนเกมส์ได้ง่ายดาย(เพราะเกมส์มีราคาถูกกว่าแต่ก่อน) ทำให้ไม่เกิดการเรียนรู้กฎ แต่เป็นการเปลี่ยนกฎเพื่อให้เข้ากับสิ่งที่ตนต้องการ สร้างอุปนิสัยเอาแต่ใจได้
เรื่องพฤติกรรมยังมีอีกมากมายหลายเรื่องจนมากเกินที่จะคุยได้หมด ... เอาเป็นว่าวิธีแก้นั้นเป็นวิธีเดียวกันคือ การไม่เล่นเกมส์มากจนเกินไป
การแก้ไขหรือป้องกันปัญหาจากการเล่นเกมส์
ว่าเรื่องปัญหาแล้ว ก็จะว่าด้วยเรื่องการแก้ไข
1. ปรับแสงสว่างจากจอคอมพิวเตอร์ที่เล่นให้พอดี ซื้อฉากกันรังสีฉากกรองแสงมาใช้ และนั่งให้ห่างจากจอพอประมาณ
2. จัดที่นั่งให้พอดีก่อนการเล่นเกมส์ โดยเฉพาะการไปเล่นในร้านเกมส์หรือที่ที่ไม่ใช่ที่ประจำ
3. กำหนดเวลาเล่นไม่ให้ติดต่อกันนานจนเกินไป อาจจะต้องพักทุกๆหนึ่งชั่วโมงแล้วลุกมายืดเส้นสาย
4. กำหนดเวลาที่จะเล่นในแต่ละวันอย่างแน่นอน และรักษาวินัยไว้อย่างเคร่งครัด
5. หากรู้สึกว่าอ่อนเพลีย ปวดล้า หรือเครียด จากการเล่นเกมส์ .... นั่นแปลว่าเล่นเกมส์มากเกินไปแล้ว

จริงๆไม่มีอะไรมากครับเป็นเรื่องที่รู้ๆกันอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าต้องกำหนดให้ได้เองว่า อะไรคือ "พอดี" "มากเกินไป" "พอประมาณ" เท่านั้นก็จะเล่นเกมส์ได้อย่างมีความสุขและไม่เกิดโทษครับ
..... อ่านต่อได้ที่: https://www.gotoknow.org/posts/388491





 เรื่องอื่นๆ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น